หญิงโหดในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 3 [ตอนจบ]

สวัสดีค่ะ นี่เป็นตอนสุดท้ายของเรื่องหญิงโหดในประวัติศาสตร์โลกแล้วนะคะ มาดูกันว่าแต่ละนางจะโหดบ้าเลือดขนาดไหน

ลีโอนาดา ชานชูอิลี (Leonarda Cianciulli)

ฉายา: คนทำสบู่แห่งโคเรจจิโอ

พื้นเพ: ลีโอนาดาเกิดที่เมืองมอนเทลล่า ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 14 เมษายน 1894 เธอแต่งงานกับราฟาเอล เพนซาดี้ โดยที่ถูกพ่อแม่คัดค้าน เธอเชื่อว่าแม่ของเธอได้แช่งเธอไว้ด้วย เธอและสามีมีร้านขายของที่ลาเซโดน่าแต่ร้านก็พังเนื่องจากแผ่นดินไหว เธอและสามีจึงย้ายไปที่เมืองโคเรจจิโอ ซึ่งเพื่อนบ้านก็ชื่นชอบที่เธอเป็นคนใจดี และเป็นแม่บ้านที่ดี ในช่วงแต่งงานเธอได้ตั้งครรภ์ถึง 17 ครั้ง แต่แท้ง 3 ครั้ง และอีก 10 คนเสียชีวิตแต่เล็ก เธอเหลือลูกสี่คนซึ่งเธอหวงแหนมาก เธอเชื่อในเรื่องการดูดวง และตั้งตัวเป็นหมอดูเองด้วย ครั้งหนึ่งเธอไปดูลายมือ และหมอดูบอกเธอว่าเธอต้องจบชีวิตในคุก

ความโหด: แม้ว่าจำนวนเหยื่อของเธอจะไม่มากแต่ความโหดก็ไม่น้อยหน้าคนอื่นนัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ลูกชายคนโตของเธอต้องไปรบ เธอได้เกิดความเชื่อว่าต้องทำการบูชายัญมนุษย์เพื่อให้ลูกชายของเธอรอดจากสงคราม เธอจึงทำการหลอกล่อเพื่อนบ้านของเธอโดยใช้อุบายว่าเธอสามารถแนะนำงานในต่างเมืองให้กับเหยื่อได้ และให้เหยื่อเขียนจดหมายส่งให้กับครอบครัวเมื่อไปถึงเมืองนั้นๆว่าได้งานแล้วไม่ต้องห่วง ลีโอนาดาทำการสังหารเหยื่อทั้งหมดสามราย โดยเหยื่อแต่ละคนจะมาหาเธอก่อนจะเดินทาง เพราะต้องมาจ่ายค่านายหน้าให้เธอ และเธอก็ใส่ยานอนหลับในไวน์ให้เหยื่อดื่ม ก่อนที่จะลากเหยื่อไปชำแหละ โดยเก็บเลือดเหยื่อไว้ แล้วนำไปเป็นส่วนผสมทำเค้ก ส่วนไขมันก็เอามาทำสบู่ เธอแจกจ่ายสบู่และเค้กจากศพให้เพื่อนบ้าน ตัวเธอเองนั้นก็ใช้สบู่ที่ทำและทานเค้กด้วย โดยเธอกล่าวว่ายิ่งคนอวบๆจะอร่อยมาก

จุดจบ: ญาติของเวอร์จิเนีย เหยื่อคนสุดท้ายสงสัยถึงการหายตัวไปของเวอร์จิเนีย จึงแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจไปพบลีโอนาดา เธอก็สารภาพอย่างง่ายดาย อาจเพราะเธอเชื่อคำทำนายของหมอดูว่าเธอต้องจบชีวิตในคุก นอกจากนั้นลีโอนาดายังช่วยตำรวจหาหลักฐานถึงการฆาตกรรมของตัวเธอเองอีกด้วย เธอถูกตัดสินให้จำคุก 33 ปี แต่เธอเสียชีวิตในคุกเมื่อปี 1970 ด้วยโรคเลือดออกในสมอง รวมอายุ 76 ปี คดีของเธอเป็นข่าวโด่งดังจนมีการสร้างละครเวทีทั้งในและนอกอิตาลี
เนื้อหาจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Leonarda_Cianciulli

เคทเธอรีน ไนท์ (Katherine Knight) 
พื้นเพ: เคทเธอรีนเกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1955 ที่เมืองนิว เซาท์ เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย แม่ของเธอมีสามีมาก่อน และเป็นชู้กับเพื่อนชายที่ทำงานด้วยกันจนมีลูกคือ เคทเธอรีน พ่อของเคทเธอรีนเป็นชายขี้เมาและมักบังคับแม่ของเธอให้มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง ส่วนตัวแม่นั้นมักเล่าเรื่องความรุนแรงในบ้านให้เธอฟังเสมอ เมื่อเธอเข้าโรงเรียน เธอก็เข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้ และชอบอยู่คนเดียว เพื่อนๆที่โรงเรียนมักสังเกตุว่าเธอชอบทำร้ายเด็กที่อ่อนแอกว่า และเธอมักสติแตกเมื่อโมโหกับเรื่องเล็กน้อย เธอออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ  15 ปี โดยที่ยังอ่านเขียนไม่ค่อยได้ เธอได้ทำงานที่เธออ้างว่าเป็น "งานในฝัน" ของเธอ คือเป็นคนแล่เนื้อในโรงฆ่าสัตว์ เธอเชี่ยวชาญในงานจนที่ทำงานมอบชุดมีดราคาแพงให้เธอเป็นรางวัล ซึ่งเธอมักพกไว้ใกล้ตัวเสมอ

ความโหด: เธอได้คบกับเดวิด ชายที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์กับเธอ ซึ่งเธอควบคุมแฟนอย่างอยู่หมัด และเมื่อวันแต่งงานในปี 1974 แม่ของเคทเธอรีนได้เตือนเดวิดว่า หากเขาคิดนอกใจ หรือทำให้เธอโมโห เขาอาจถูกเคทเธอรีนฆ่าทิ้งได้ เพราะเธอค่อนข้างคลั่ง ชีวิตแต่งงานของคู่นี้มักมีแต่ความรุนแรง คืนหนึ่งเมื่อเดวิดกลับบ้านช้าเนื่องจากแข่งปาลูกดอกรอบชิงชนะเลิศ เขาถูกเคทเธอรีนซึ่งกำลังท้องแก่ตีหัวด้วยกะทะเหล็ก จนกระโหลกร้าว หลังออกจากโรงพยาบาลเขาก็หนีไปจากเมือง ทิ้งให้เธอกับลูกอยู่กันตามลำพัง หลังจากนั้นเคเธอรีนก็คบกับชายอื่นอีกหลายคน จนมาพบกับแฟนคนสุดท้าย เมื่อประมาณปี 1995 คือ จอห์น พรินซ์ ซึ่งมีลูกติดจากการหย่า 2 คน เคทเธอรีนกับจอห์นทะเลาะกันบ่อยๆ จนครั้งสุดท้าย  เพื่อนที่ทำงานมาหาจอห์นที่บ้านแต่พบรอยเลือดที่ประตูจึงแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจพังประตูเข้ามาก็พบเคทเธอรีนนอนโคม่าเนื่องจากกินยาเกินขนาด นอกจากนั้นยังพบชิ้นส่วนศพของจอห์น บางส่วนถูกนำไปปรุงเป็นอาหารซึ่งตั้งใจจะให้ลูกของจอห์นทั้งสองทาน ส่วนหัวของจอห์นยังอยู่ในหม้อต้มพร้อมผักและเครื่องแกง ชิ้นส่วนที่เหลือกระจัดกระจายอยู่ในครัว

จุดจบ: เนื่องจากออสเตรเลียไม่มีโทษประหาร ศาลจึงตัดสินให้เธอถูกจำคุกตลอดชีวิตในปี 2001 โดยมีคำสั่งให้ไม่มีการลดโทษ ถือเป็นโทษที่รุนแรงที่สุดในออสเตรเลียสำหรับนักโทษหญิง

เนื้อหาจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Katherine_Knight

อลิซาเบธ บาโธรี

คนนี้เพื่อนๆ อาจเคยได้ยินมาบ่อยแล้ว แต่เนื่องจากไม่เขียนถึงก็ไม่ได้ เพราะถือว่าน่าจะโหดที่สุดแล้ว

ฉายา: The Blood Countess

พื้นเพ: เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 1560 เธอในตระกูลสูงศักดิ์ของฮังการี เธอมักมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและอ้างว่าเสียงกรีดร้องของผู้รับใช้ทำให้อาการดีขึ้น เธอจึงมักทรมานสาวใช้บ่อยๆ ต่อมาเธอได้แต่งงานกับเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ ซึ่งเป็นพวกชอบความรุนแรงเช่นกัน ทั้งสองจึงมักทรมานข้ารับใช้และใช้วิธีสยดสยองต่างๆ มาประหารคนรับใช้ ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 4 คน แต่เมื่อปี  1600 ขณะนั้นเธออายุได้ประมาณ 40 ปี สามีของเธอก็ได้เสียชีวิต ซึ่งทำให้ความโหดร้ายของเธอเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ความโหด: เมื่อย่างเข้าวัยกลางคน เธอก็หมกมุ่นกับความแก่ของตัวเอง และหาวิธีทำให้ตัวเธอดูอ่อนเยาว์ตลอดเวลา เธอเชื่อว่าเลือดสดๆของหญิงสาวจะทำให้ผิวของเธอกลับเต่งตึงคืนมา เธอได้ใช้วิธีต่างๆนาๆ คั้นเลือดสดๆของหญิงสาวมาอาบ ซึ่งแน่นอนว่าข้ารับใช้ของเธอเป็นเหยื่อกลุ่มแรกๆ จนกระทั่งไม่มีหญิงสาวในวังแล้ว เธอก็หลอกล่อลูกสาวชาวบ้านทั่วไปให้เข้ามาอยู่ในวังเพื่อฆ่าเอาเลือด โดยวิธีที่โด่งดังที่สุดก็คือ ไอร่อน ไมเดน ซึ่งเป็นตุ๊กตาคล้ายโลงขนาดใหญ่กว่าคนจริงเล็กน้อย ภายในมีเหล็กแหลม 5 เล่ม เมื่อปิดโลงแล้วเข็มก็จะทิ่มแทงร่างของหญิงสาวจนเลือดไหลหมดตัว นอกจากนี้ยังมีกรงพร้อมเหล็กแหลมยกสูงจากพื้น เมื่อเขย่ากรงที่มีหญิงสาวข้างในก็จะเหมือนกับฝนเลือดอาบตัวอลิซาเบทนั่นเอง เชื่อว่าเธอทรมานและฆ่าหญิงสาวไปทั้งหมดประมาณ 600 คน ศพบางส่วนถูกฝังไว้บริเวณวัง บางส่วนก็ถูกโยนทิ้ง หลายมีสภาพซีดเผือด จนชาวบ้านใกล้เคียงเชื่อว่ามีผีดูดเลือดอาศัยอยู่แถวนั้น


จุดจบ: ความลับของวังได้แพร่งพรายเนื่องจากเธอฆ่าหญิงสาวในเมืองอื่นขณะไปท่องเที่ยว โดยทำการตัดแขนตัดขา และมีคนได้ยินเสียงกรีดร้อง ชาวบ้านบริเวณวังของอลิซาเบทได้ร้องเรียนไปยังราชสำนักเรื่องคนหายจำนวนมาก และศพหญิงสาวที่กองอยู่ใกล้ๆวังของเธอ พระเจ้าแมทเทียสที่ 2 ได้ทำการสอบสวนเรื่องนี้เอง และเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจห้องใต้ดินของวัง ก็ได้พบกับเครื่องทรมานจำนวนนับไม่ถ้วน และศพจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีผู้รอดชีวิตอีกเล็กน้อย ข้ารับใช้ที่ช่วยเหลือเธอในการทรมานหญิงสาวถูกประหารโดยเผาทั้งเป็นทั้งหมด ส่วนตัวเธอนั้นถูกขังไว้ในวังของตนเองในห้องแคบๆ มีเพียงช่องให้น้ำและอาหาร จนกระทั้งเธอเสียชีวิตในวันที่ 21 สิงหาคม 1614
เนื้อหาจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Elizabeth_B%C3%A1thory


จบแล้วค่ะเรื่องของหญิงโหด จริงๆมีอีกหลายคนที่ไม่ได้เขียนถึง หากมีโอกาสก็จะนำมาแปลเพิ่มเติมค่ะ เรื่องหน้าลดดีกรีความโหดลง อ่านเรื่องสบายๆก่อนนะคะ

หากถูกใจบทความก็อย่าลืม Like และ Share เป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

0 comments: