เมื่อคุณเจอกับผู้ชายสมบูรณ์แบบ แต่กลับพบว่า?!

ขอขอบคุณเรื่องจากรายการวิทยุ Snap Judgement สถานี PRI นะคะ ขอเกริ่นก่อนเลย รายการ Snap Judgement เนี่ย ออกอากาศประมาณหนึ่งชั่วโมง จะมีคอนเซ็ปต์แต่ละชั่วโมงต่างกันไป ในชั่วโมงจะมีเรื่องสั้น 4-5 เรื่อง เช่น ตอน "ผู้ยิ่งใหญ่" ก็จะมีเรื่องเล่าที่อยู่ในคอนเซ็ปของตอนนั้น อาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้นำประเทศ หรือ เกี่ยวกับเทพเจ้า คือเกี่ยวกับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมด นั่นเอง ตอนที่เอามาแปลนี้คือตอน "The B-Team" หากแปลเป็นไทย ถ้า A Team คือทีมเจ๋ง B Team ก็คือ "ทีมกระจอก" นั่นเอง เรื่องเล่านี้ชื่อว่า "The Perfect Boyfriend" หรือ "แฟนหนุ่มสุดเพอร์เฟกต์" ซึ่งหลายๆคนอาจสงสัยว่า ยังมีอยู่หรือ? อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถ้าจบเหมือนชื่อเรื่องก็จะสปอยล์เกินไป ต้องมาติดตามกันนะคะว่าเรื่องจะจบยังไง

และนี่คือคลิปเรื่อง (ภาษาอังกฤษนะคะ) ต้นฉบับนะคะ เผื่อใครอยากฟังดู



          ...พ่อของฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้า เรื่องคบเพื่อน คือบ้านเราไปโบสถ์สัปดาห์ละสามวัน ก็ต้องใส่ชุดไปโบสถ์ทั้งสามวัน แต่เรื่องที่จี๊ดสุดๆ น่าจะเป็น

เรื่องคบแฟน

พ่อไม่เคยยอมรับแฟนคนไหนของฉันเลย ฉันจำได้ว่ามีคนนึงพ่อไม่ยอมให้ฉันคบด้วยเพราะเค้าไม่เคร่งศาสนาพอ อีกคนพ่อก็ไม่ชอบเพราะขับรถคอร์เวตต์สีแดง(?) มีครั้งนึงฉันกำลังจะออกไปเดท พ่อก็เดินมาดึงกุญแจบ้านออกจากมือฉันเฉยเลย ก็เลยไม่ได้ไปเดท ฉันเป็นคนค่อนข้างชอบอิสระก็เลยทะเลาะกับพ่อบ่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้พ่อลดความเข้มงวดลง

วันนึงที่โบสถ์มีงานฉลอง ทุกคนแต่งตัวสวยงาม ฉันเห็นหนุ่มคนหนึ่งดูน่ารักดี หลังจากนั้นสักสิบห้านาทีได้ เขาก็เข้ามาขอฉันเต้นรำ ซึ่งฉันจำได้เลยว่าพ่อก็อยู่ใกล้ๆตรงนั้น (หัวเราะ) ฉันก็แบบอืม... เต้นไปก็แอบกังวลไปด้วย

ระหว่างที่เต้นกับเขานั้นฉันได้กลิ่นน้ำหอม ...และฉันชอบกลิ่นน้ำหอมของเขา ระหว่างที่เต้นรำ เราไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ฉันรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด มันไม่เหมือนกับที่คนพูดถึงรักแรกพบ ว่าสบตาแล้วใจเต้นแรง แต่มันรู้สึกเหมือนว่าเรารู้จักกันมาก่อน เป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ...มันรู้สึกดีมากจริงๆ



เขาชื่อเดวย์น (อ่านว่าดะ-เวย์น) ประมาณสามสัปดาห์ต่อมา เขาก็โทรมาหาฉัน เราคุยกันทั้งคืน วันต่อมาเขาก็โทรมาหาอีก เราคุยกันทุกวันเหมือนกับวัยรุ่นเพิ่งหัดคุยกับแฟน เค้าเป็นคนแรกที่ฉันรู้สึกว่าเขาเข้าใจฉัน เขาช่างฟัง และใส่ใจในคำพูดของฉัน แต่ฉันยังรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับเขา บ้านของฉันเป็นครอบครัวฐานะไม่ดีนัก แต่บ้านเขานั้นอยู่ในเมือง ไม่ใช่ในเมืองเฉยๆสิ เมืองฝั่งคนมีเงินเลย เวลาไปที่บ้านเดวย์น ที่บ้านเขาจะมีรูปปั้นประดับหน้าบ้าน มีคนงานทำความสะอาดบ้าน มันไม่ได้อลังการงานสร้าง แต่สำหรับฉัน มันเหมือนกับไปเที่ยววังเลยทีเดียว!

ฉันเคยหยอกเขาไปว่าทำไมไม่ไปคบคนอื่น มาคบอะไรกับผู้หญิงบ้านๆ แบบฉัน เค้าบอกว่ามันไม่สำคัญ เวลาเขาขับรถมาหาฉันที่บ้านตอนค่ำ ฉันก็บอกว่าอย่าขับมาค่ำมากมันอันตราย เค้าก็บอกว่าฉันอยู่ที่นี่ เขาก็จะมาหาที่นี่แหละ ฉันบอกว่าเขาไม่ควรรักฉันมากขนาดนี้ แต่เขาก็ยังรัก แต่จุดที่ฉันอึ้งที่สุดก็คือ
...คุณพ่อของฉันชอบเขามากทีเดียว

พ่อบอกว่าเดวย์นเป็นคนดี เขาเข้าโบสถ์สม่ำเสมอ เขาคบเพื่อนดี แถมยังสอบติดวิศวะอีกด้วย ซึ่งพ่อของฉันก็จบวิศวะไฟฟ้า ก็เลยเข้าล็อกพอดี เดวย์นกับพ่อนั่งคุยกันได้เป็นชั่วโมงๆ ในตอนนั้นฉันคิดว่า นี่แหละ ถ้านี่คือความรัก คนนี้ก็คือคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว!

อยู่มาวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันเสาร์ ฉันตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้า และรู้สึกแปลกมากๆ ปกติฉันจะไม่ตื่นเอง เพราะแม่ต้องเข้ามาปลุกฉันวันเสาร์ แต่วันนี้แม่ไม่มาปลุก พอฉันตื่น เหมือนแม่จะรู้ว่าฉันตื่นแล้ว แม่เข้ามาหาบอกว่าให้ลงไปข้างล่างเพราะมีเรื่องจะพูดด้วย ฉันยังไม่ตอบอะไร แม่ก็มานั่งที่เตียง ฉันสังเกตุว่าไม่ได้ยินเสียงทีวี ซึ่งก็แปลกเช่นเดียวกัน ฉันมองตาแม่โดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรกัน ฉันก็รู้ว่า

...เขาจากไปแล้ว

แม่บอกว่า แม่ของเดวย์นโทรมา เดวย์นเสียชีวิตเมื่อคืน เดวย์นกำลังเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนๆ  เขากำลังวิ่งอยู่ดีๆ ก็หยุดแล้วก็ล้มลงไป ปรากฎว่าเดวย์นมีรูรั่วที่หัวใจ ซึ่งมันเล็กจนไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นโรคหัวใจรั่ว เมื่อรถพยาบาลมาเขาก็จากไปก่อนแล้ว

ฉันไม่รู้ว่าจะรู้สึกอะไร เศร้า? โมโห? หรืออะไร ฉันมองดูตัวเองในกระจก ในหัวคิดอะไรไม่ออก แม่ถามฉันว่า ฉันโอเคไหม ฉันตอบไปว่าโอเค แม่ก็ออกจากห้องไป พอแม่ออกไป ฉันก็ร้องไห้ทันที ...วันนี้เราจะไปดูหนังกัน เราเลือกเรื่องหนังไว้แล้วด้วย ฉันนั่งรอโทรศัพท์เขาเป็นวัน กว่าจะเข้าใจว่า เขาจะไม่โทรมาอีกแล้ว เขาจะไม่ส่งข้อความมาอีกแล้ว

เวลาที่คนรักจากไปกระทันหันแบบนั้น ฉันรู้สึกอยากดึงเขากลับมาคืน ฉันเริ่มสะสมของที่เกี่ยวกับเขา ข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเขา ข่าวเกี่ยวกับการตายของเขา ถ้าฉันได้ยินชื่อเดวย์นในวิทยุ ฉันจะรึบอัดเทปไว้ทันที ฉันสะสมทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไว้ในตู้ของฉัน เป็นตู้เดวย์น ทุกคนรู้ว่าเป็นพื้นที่หวงห้าม ยกเว้นสำหรับฉันคนเดียว

การเรียนฉันเริ่มตกหลังจากที่เดวย์นจากไป และฉันไม่คิดจะหาแฟนใหม่ สำหรับฉันมีเดวย์นแค่คนเดียว และไม่มีใครจะดีกว่าเขาอีกแล้ว และอีกอย่างคือ ...เพราะฉันกลัวว่าเขาจะตายไปอีก ฉันเริ่มเก็บตัว ไม่อยากเกี่ยวพันกับใคร เพราะฉันไม่อยากเสียใจเมื่อเสียใครไปอีกแล้ว

วันนึงฉันอยู่บ้านคนเดียว พ่อแม่ออกไปทำงานข้างนอก ฉันต้องใช้เครื่องมือ ซึ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดิน ห้องใต้ดินนี้เป็นเขตหวงห้ามของพ่อฉัน พ่อเก็บของของพ่อไว้ และใครก็ห้ามเข้าไปยุ่ง แต่ฉันก็แอบลงไปจนได้ ตอนลงไปนั้น ฉันสังเกตุเห็นกระดาษหนังสือพิมพ์ที่เริ่มเหลือง ฉันเห็นหนังสือพิมพ์นี้เพราะความเก่าของมัน แม้ว่าจะถูกทับไว้ด้วยกระดาษอื่น ฉันเริ่มสงสัย ก็เลยอ่านดู
ด้านหน้าเป็นชื่อและนามสกุลของเดวย์น ฉันรู้ว่าฉันไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ เพราะฉันสะสมข่าวทุกอย่างของเขา แต่ไม่มีข่าวฉบับนี้  พออ่านต่อไปก็มีรายละเอียดการเสียชีวิตของเขา มีชีวประวัติของเขา ว่าเขาเป็นที่รักของทุกคน และอธิบายถึงแฟนสาวของเดวย์นว่าเธอรู้สึกเสียใจต่อการจากไปของเดวย์น และต้องสู้ต่อไป และลงชื่อแฟนสาว

แพมเมล่า

ซึ่งไม่ใช่ชื่อของฉัน ทุกอย่างที่ฉันเคยรู้จักเกี่ยวกับเดวย์นพังทลาย หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไม่ได้โกหกแน่นอน เดวย์นมีแฟนอีกคนอยู่แล้ว และผู้หญิงคนนี้อยู่ในเมืองเดียวกับเดวย์น มีบ้านหลังโตเหมือน เดวย์น เธอเป็นคนฐานะเดียวกับเดวย์น

แต่ฉันก็คิดได้อีกอย่างหนึ่งคือ คุณพ่อของฉัน ท่านเก็บหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไว้กับตัวเองมาตลอด พ่อปิดเรื่องนี้จากฉัน พ่อรู้ว่าถ้าฉันเห็นข่าวนี้ฉันต้องช็อคเป็นแน่ ฉันไม่รู้ว่าพ่อคิดจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองนานขนาดไหน อาจจะตลอดไป ฉันวางหนังสือพิมพ์ไว้ที่เดิม และออกมาจากห้องใต้ดิน...

พอพ่อกลับมาจากที่ทำงาน ฉันก็ทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเหมือนกับเรื่องวนกลับมาหาฉันเอง ฉันพยายามซ่อนความลับว่าฉันรู้เกี่ยวกับเดวย์นแล้วจากพ่อ เพื่อให้พ่อได้ซ่อนความลับเกี่ยวกับเดวย์นจากฉันต่อไป ให้พ่อเชื่อว่าฉันไม่รู้เรื่องเลวร้ายเรื่องนี้ ให้พ่อเชื่อว่าพ่อปกป้องฉันสำเร็จ หลังจากนั้นไม่นานฉันก็เก็บตู้เดวย์นออกไป ...และฉันเชื่อว่า หากฉันเดินลงไปที่ห้องใต้ดินนั้น

หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นก็จะยังอยู่ที่เดิม

======================

จบแล้วค่ะ สนุกไหมคะ ถ้ามีคำติชมใดๆก็เขียนมาได้เลยนะคะ ถอดความภาษาอังกฤษอาจจะไม่เรียบร้อยเท่าไร เพราะฟังแล้วก็มาถอดความเอาค่ะ สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ